วัดใต้น้ำ เมืองบาดาลแห่งสังขละบุรี
วัดใต้น้ำ หรือ วัดวังก์วิเวการามเก่า โบราณสถานสำคัญที่จัดเป็น Unzeen ของอำเภอสังขละบุรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของการมาเยือนสังขละเลยก็ว่าได้ ยิ่งถ้ามาในช่วงเดือน มีนาคม - เมษายน โดยประมาณ ระดับน้ำในเขื่อนวิชราลงกรณ์จะลดลง ทำให้สามารถขึ้นไปเดินชมโบสถ์ภายในวัดได้
เมืองบาดาลวัดใต้น้ำ หรือ วัดวังก์วิเวการามเก่า เดิมที่เป็นวัดเก่าของ หลวงพ่ออุตมะ หลังจากสร้าง เขื่อนวิชราลงกรณ์ จึงได้ย้ายวัดไปสร้างที่ใหม่ วัดเก่าจึงจมไปกับสายน้ำมาหลายปี ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใครได้ยินชื่อก็อยากมาพิสูจน์ด้วยตนเองแล้วว่า วัดใต้น้ำมันจะเป็นแบบไหนน่ะ ถ้ามองดูจากภาพถ่ายโดยทั่วไปตอนที่น้ำลดเห็นโบสถ์ ก็คงเหมือนกับโบราณสถานเก่าแก่ทั่วไปที่เราพบเห็นกันอยู่บ่อย ๆ แต่เมื่อได้มาสัมผัสด้วยตนเอง ได้รู้เรื่องราวประวัติความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้แล้ว มันน่าตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกเลยจริง ๆ เมื่อได้มายืนอยู่ตรงวัดที่เมื่อครั้งหนึ่งเคยจมอยู่ใต้น้ำมาก่อน ซึ่งในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนในหนึ่งปีที่เราจะสามารถลงจากเรือมาเดินเหยียบหย่ำพื้นดินของเมืองบาดาลได้แบบนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของวัดใต้น้ำ ซึ่งหากมาช่วงเวลาอื่น อาจจะได้พบว่าน้ำล้นเต็มเขื่อน ทำให้วัดกลับคืนสู่ใต้น้ำอีกครั้ง แต่ผมว่ามันก็คืออีกหนึ่งความประทับใจ ที่สมกับชื่อวัดใต้น้ำ ไม่ว่าวัดจะอยู่ใต้น้ำหรือเหนือน้ำ ก็สวยงามแตกต่างกันไปคนล่ะแบบ
บรรยากาศแพบ้านของชาวสังขละบุรี บางหลังก็เปิดเป็นโฮมสเตย์ เราสามารถติดต่อเรือนำเที่ยวได้จาก รอสอร์ทที่เรามาพัก หรือ ที่หากไปเที่ยวเจดีย์พุทธคยา ที่นั้นจะมีจุดติดต่อเรือนำเที่ยววัดใต้น้ำ ราคาก็เที่ยวล่ะ 250 บาท ใช้เวลาจากฝั่งนั่งไป 10 นาทีก็ถึง
วัดใต้น้ำสังขละบุรี ชิลดีน่ะครับ
บรรยากาศช่วงตอนนั่งเรือ สามารถเห็นวิวธรรมชาติสวย ๆ ของอำเภอสังขละบุรี และยังสามารถชมเจดีย์พุทธคยาอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของชาวสังขละบุรี
บริเวณจุดใกล้เคียงกับวัดใต้น้ำ เป็นที่มาของชื่อ สามประสบ คือแม่น้ำสามสายไหลมารวมกัน คือ แม่น้ำรันตีมาจากทุ่งใหญ่นเรศวร แม่น้ำบีคลี่มาจากลำห้วยหลายสายทางตะวันออกของสังขละ แม่น้ำซองกาเลียมาจากประเทศพม่า
ถ้านั่งเรือมาชมวัดใต้น้ำในช่วงปกติเราจะเห็นแค่ตัวโบสถ์
ตัวโบสถ์ตอนอยู่ใต้น้ำ
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้ถือว่าเป็นไฮไลน์สำคัญของการมาเที่ยวอำเภอสังขละบุรี ประมาณว่า หากใครไม่ได้นั่งเรือชมวัดใต้น้ำ ถือว่ามาไม่ถึงสังขละกันเลยน่ะ แต่จะให้ดีต้องมาสองช่วงครับ นั้นคือช่วงที่น้ำลด และช่วงที่น้ำขึ้น จะได้สัมผัสทั้ง 2 อารมณ์ของเมืองบาดาลแห่งนี้
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่าน จ.นครปฐม ขับมาประมาณ 9 กม. จะพบสะพานลอยข้ามไปทาง จ.กาญจนบุรี ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 323 ขับมาประมาณ 7 กม. ท่านจะพบสี่แยก ให้ท่านเลี้ยวขวา ( แยกซ้ายไปบ้านโป่ง ตรงไปคือถ้ำค้างคาว) เพื่อไปยัง อ.เมืองกาญจนบุรี จากนั้นมุ่งหน้าสู่สี่แยกแก่งเสี้ยน ให้ขับไปทาง อ. ทองผาภูมิ ซึ่งจะผ่านทั้งไทรโยคน้อย และไทรโยคใหญ่ ( หลักกิโลเมตรที่ 125 ทางหลวงหมายเลข 323 ) ท่านจะพบสามแยก ( ตรงไปไปอำเภอทองผาภูมิ + เขื่อนเขาแหลม ถ้าเลี้ยวขวาไปอำเภอสังขละบุรี ) ให้ท่านเลี้ยวขวามือไป สังขละบุรี ซึ่งท่านจะผ่าน น้ำตกเกริงกะเวีย+น้ำตกไดช่องถ่อง ผ่านอช.เขื่อนเขาแหลม เมื่อไปถึงแยกด่านเจดีย์สามองค์ ท่านไม่ต้องเลี้ยวขวา ให้ขับตรงไป วัดวังก์วิเวการาม หรือ เจดีย์พุทธคยา จำลอง (ที่นี่ท่านสามารถติดต่อเรือนำเที่ยวได้)
ขอบคุณจาก www.chilldtravel.com/.../489-วัดใต้น้ำ-เมืองบาดาลแห่งสังขละบุร...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น